วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ทัศนคติของผมที่มีต่อคณะสถาปัตย์

ทัศนคติของผมที่มีต่อคณะสถาปัตยกรรมก่อนที่จะได้เข้ามาเรียนที่นี่ ผมจะขอบอกตามตรงเลยว่า ผมไม่เคยรู้จักวิชาชีพนี้มาก่อนด้วยซ้ำ ผมเคยดูโฆษณานมผงยี่ห้อหนึ่ง มีเด็กผู้ชายนั่งต่อของเล่นไม้ แล้วพ่อก็คิดว่าว่าลูกชายเมื่อโตไปต้องกลายเป็น “สถาปนิกชื่อดัง” แน่ๆ นั่นคือประโยคแรกที่ผมได้ยินคำว่าสถาปนิก แต่ก็ไม่เคยสนใจว่าพวกสถาปนิกเขาทำอะไรกัน เรียกว่าผมไม่มีทัศนคติต่อสถาปนิกเลยก่อนที่จะได้เข้ามาเรียนคณะนี้ เพราะผมไม่รู้จักสถาปนิก ไม่รู้ว่าคนพวกนี้แหละที่ออกแบบบ้าน บ้านสวยๆที่ผมชอบมอง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมเรียนระดับ ม.ต้นเพลินๆ ม.ปลายชิวๆ มันก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องสอบเอนทรานซ์ เวลาที่ใกล้เข้ามามากแล้ว มีเวลา 1 เทอมให้ผมตัดสินใจเลือกเรียนในคณะที่ผมรู้จัก คณะที่คนทั่วไปนิยมเลือกกัน ผมไม่รู้จักคณะแปลกๆอะไร เพราะผมไม่เคยตั้งใจเรียน ผมจะให้ความสนใจกับสิ่งที่ผมอยากทำเท่านั้น และก็มักจะทำสิ่งเหล่านั้นได้ดี ตามความคิดของผมนะ เวลา 1 เทอมน้อยไปสำหรับการทำความรู้จักคณะต่างๆที่มีให้เรียนมากมาย ผมเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการกางตารางคะแนนผลการสอบเข้าคณะต่างๆในปีก่อนหน้าผม แล้วดูว่าเขามีอะไรให้เรียนมั่ง แล้วจึงเริ่มค้นหาความถนัดของตนเอง อันที่จริงแล้วเป็นการค้นหาจุดอ่อนของตัวเองแล้วกำจัดทิ้งมากกว่า ผมเป็นเด็กสายวิทย์ที่ไม่เก่งฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ผมจะสอบอะไรได้บ้าง? มีคณะที่ไม่ต้องการวิชา เคมี และชีวะอยู่ด้วย สถาปัตยกรรม ผมจะเตรียมตัวเก็บคะแนน แค่เพียง วิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ฟิสิกส์ และความถนัดทางสถาปัตยกรรม ส่วนวิชาที่ต้องผ่านเกณฑ์ คือ สังคม และภาษาไทย 2 วิชาต้องรวมกันได้ 60 คะแนน วิชาหลังนี่ผมมั่นใจมากเพราะผมเก่งภาษาไทยแค่วิชาเดียว มันอาจช่วยให้ผมผ่านได้โดยไม่ต้องสอบสังคมด้วยซ้ำ เวลาที่เหลือน้อยผมรีบหาหนังสือความถนัดทางสถาปัตยกรรมมาอ่านเพื่อเตรียมตัวสอบ “สอบสนุกขนาดนี้เลยหรอเนี่ย!” ผมตัดสินใจทันที่ว่าต้องเข้าคณะนี้แน่นอน อันที่จริงเป็นเพราะผมชอบเรื่องงานช่างเกี่ยวกับบ้านอยู่ก่อนแล้ว
คะแนนของผมออกมาเป็นพี่พอใจระดับหนึ่ง ติด 1 ใน 18 คนแรกพอดี ผมลงโควต้าที่ศิลปากร เป็นโควต้าส่วนภูมิภาค และผมก็ไม่ติด เพราะคณิตศาสตร์ 22 คะแนน ไม่ผ่านเกณฑ์ 30 ที่เขาตั้งไว้ การสอบรอบสองผมเก็บวิชาคณิตศาสตร์วิชาเดียวแล้วในที่สุดก็ผ่าน ผมชอบสถาปัตยกรรมไทย แต่การสอบตรงของศิลปากรผ่านไปโดยผมไม่ทราบเรื่อง และการสอบตรงของจุฬาฯ ผมก็ไม่มีสิทธิ์สอบเพราะเกรดไม่ถึงสมัครสอบไม่ได้ ผมจึงใช้คะแนนสอบเลือกคณะสถาปัตยกรรมไทยจุฬาเป็นอันดับแรก อันดับสองคือลาดกระบัง ผมไม่เลือกศิลปากร เพราะรอบที่แล้วเขาไม่เอาผม รอบนี้ผมก็ไม่เอาเขาเหมือนกัน ผลสอบออกมาผมได้เรียนที่ลาดกระบัง ผมดีใจและโล่งใจมาก อันที่จริงผมพึ่งค้นพบตัวเองในช่วงที่รอผลสอบว่าไม่อยากเรียนที่จุฬาแล้ว
การได้เข้ามาเรียนที่นี่ผมมีความสุข และสนุกกับงานทุกชิ้นที่ทำ ผมรู้สึกว่าถนัดกับงานเหล่านี้ เลือกไม่ผิดเลยจริงๆที่เรียนคณะนี้ การเรียนนั้นใช้ความอดทน ความขยัน ฝีมือ ความคิด ทุกสิ่งพัฒนาตัวผมขึ้น ผมไม่รู้สึกโง่เหมือนเมื่อก่อน เพราะวิชาที่เรียนเป็นเรื่องที่ผมสนใจ และตั้งใจกับมันมากขึ้น อาจเป็นเพราะผมเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ผมรู้สึกตัวเองยังเด็กนะ ที่นี่ยิ่งเรียนยิ่งสนุกยิ่งเรียนยิ่งมีความรู้ มีความมั่นใจ ยิ่งเวลาออกไปฝึกงานทำให้ผมรู้เลยว่า ลาดกระบังนี้มีความโดดเด่น สอนสิ่งที่เป็นประโยชน์ และ มีความสำคัญต่อการนำไปใช้ทำงานจริง
เมื่อผมได้เรียนวิชานี้ ยิ่งทำให้ผมเห็นความหลายหลากทางอาชีพ “วิเศษจริงๆจบคณะนี้ไม่มีทางตัน”
ผมรู้สึกว่าอาชีพนี้มีเกียรติ และต้องการความรับผิดชอบสูงมาก ดังนั้นเมื่อผมจบไปผมอาจจะเปิดออฟฟิสเล็กๆ เพื่อรับทำโมเดลเท่านั้นเอง เพราะตั้งแต่ผมเรียนมา งานนี้ผมทำแล้วมีความสุขที่สุด สนุกแถมได้เงิน เป็นอิสระด้านเวลา ทำงานเมื่อไหร่ก็ได้แค่ทำให้ทัน ไม่มีเจ้านายมีแต่ลูกค้า แต่ไม่แน่หรอกชีวิตผมยังอีกยาว ขนาดผมไม่เคยรุ้จักสถาปัตย์ผมยังหลุดมาได้ขนาดนี้~